เสวนา “ความหวังของระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่” – โคทมชี้เป็น “รัฐธรรมนูญฉบับจับประชาธิปไตยใส่กรง”

 

วันที่ 30 สิงหาคม 2558 เวลา เว็บไซต์ prachamati.org ร่วมกับองค์กรเครือข่าย จัดงานเสวนา “ความหวังของระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับสังคมต่อประเด็นต่างๆ ในร่างรัฐธรรมนูญที่สปช.กำลังจะลงมติรับหรือไม่รับ

 

 

โคทมชี้ “หลายอย่างซ่อนอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง”

รศ.ดร.โคทม อารียา สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญที่เผยแพร่ช่วงเดือนเมษายนเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับสำลักคุณธรรม” ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจเรียกได้ว่าเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับจับประชาธิปไตยใส่กรง”

เมื่อเปรียบเทียบจากร่างที่แล้ว ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเลิก “สมัชชาคุณธรรม” ไป และมีการปรับปรุงจนหมวดสิทธิเสรีภาพเขียนได้คลอบคลุมรอบด้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ใช้หลักคิดว่า “การใดจะสำเร็จได้ ต้องใช้อำนาจนำ” โดยเฉพาะบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) นั้น เป็นส่วนที่เป็นปัญหามาก มีบทบัญญัติที่ผูกมัดว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และแนวทางที่กำหนดโดย คปป. ทั้งนี้หลายเรื่องยังเหมือนจะ “ซ่อนอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง” ต้องติดตามดูต่อไป เนื่องจากบทบัญญัติหลายมาตราบอกว่าให้เป็นไป “ตามที่กฎหมายกำหนด” และคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกอย่างน้อย 13 ฉบับ

นักกฎหมายตั้งชื่อ “รัฐธรรมนูญฉบับหนองใน”

ปูนเทพ ศิรินุพงษ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า อยากให้ฉายารัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับหนองใน” คือ ข้างนอกดูสวย แต่ข้างในอันตราย โดยจุดขายสำคัญซึ่งผู้ร่างรัฐธรรมนูญใช้ในการประชาสัมพันธ์ คือ บทบัญญัติในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นจุดขายเดียวกับที่เคยใช้มาแล้วในการรณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และ ปี 2550 อย่างไรก็ตาม อยากตั้งข้อสังเกตว่า บทบัญญัติเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นเหมือน “ผักชีโรยหน้า” หากกลไกต่างๆ ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพอย่างเพียงพอ

ปูนเทพยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ต้องการใช้ร่างรัฐธรรมนูญนี้เป็นรัฐธรรมนูญถาวร แต่ต้องการให้มีกลไกพิเศษในช่วงเวลา 5 ปี ต่อจากนี้ เพราะผู้ร่างมองว่าในช่วงนี้น่าจะมีเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่สถานการณ์ที่ต้องควบคุมให้ได้ นอกจากนั้น จะเห็นได้ชัดเจนว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหารอีก เพราะมีกลไกพิเศษเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่กังวลมากก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกออกแบบมาให้แก้ไขได้ยาก ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต

 

 

ใบตองแห้งเปรียบเทียบกับ “หอมหัวใหญ่”

อธึกกิต แสวงสุข หรือ “ใบตองแห้ง” กล่าวว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือน “หอมหัวใหญ่” ที่ได้รับการฉีดยาฆ่าแมลงเต็มที่ ปอกไปก็น้ำตาไหลทุกชั้น ปอกไปจนชั้นสุดท้ายก็ยังไม่เจอประชาธิไตย เนื่องจากมีกลไกพิเศษบังคับไว้เยอะมาก ตั้งแต่การให้คสช. มีอำนาจคงไว้ในช่วงก่อนเลือกตั้งเสร็จสิ้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ, เรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งจะมาควบคุมรัฐบาล, เรื่องสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งที่มาจากการแต่งตั้ง, การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจตีความตามมาตรา 7 เป็นต้น

ด้าน ชลัท ประเทืองรัตนา จากสถาบันพระปกเกล้าฯ กล่าวว่าร่างรัฐธรรมนูญพยายาม “บังคับให้ปฏิรูป” และ “บังคับให้รักกัน” เพราะมองว่านักการเมืองไม่เคยจริงจังกับการปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ตนเห็นว่าเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปในร่างรัฐธรรมนูญล้วนเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งความหวังมายาวนานแล้ว แต่ในหลายเรื่อง ก็ต้องรอดูร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ซึ่งจะกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นต่อไป