ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทำให้มีรัฐธรรมนูญ ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งจึงขอเสนอความเห็นโดยสุจริต (ไม่ได้ชื่นชมหรือต่อต้านร่างของทางราชการ) ต่อการมีรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นไปได้ ผมขออนุญาตเสนอให้มีมาตราต่อไปนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
มาตรา 1 บุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่รับใช้ประชาชน สำนึกในพระคุณของประชาชน ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชน
ในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชนบุคคลตามวรรคหนึ่งต้องวางตนเป็นกลางทางการเมือง และไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงโดยห้ามจัดงานรื่นเริง ห้ามการอวยพรวันเกิด ยกเว้นการจัดงานเฉพาะในหมู่ญาติในวันหยุดราชการเป็นการส่วนตัว
มาตรา 2 ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ดังต่อไปนี้:
(4) ต่อต้านการใช้กำลังล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยจนกว่าชีวิตจะหาไม่
มาตรา 3 การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อการอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของตลอดจนผู้ทรงสิทธิบรรดาที่ได้รับความเสียหายในการเวนคืนนั้น ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
การกำหนดค่าทดแทนตามวรรคหนึ่ง ต้องกำหนดให้อย่างเป็นธรรมบนพื้นฐานราคาตลาดโดยจ่ายให้สูงกว่าราคาตลาดร้อยละยี่สิบ รวมทั้งพิจารณาทดแทนค่าความเสียหายอื่นของผู้ถูกเวนคืน แต่หากการเวนคืนทำให้ทรัพย์สินของผู้ถูกเวนคืนมีมูลค่าสูงขึ้นเกินกว่ามูลค่าที่ถูกเวนคืนและรวมความเสียหายอื่น ผู้ถูกเวนคืนไม่ต้องรับค่าทดแทน
มาตรา 4 สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวนห้าร้อยคนโดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่งร้อยคน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสี่ร้อยคน
มาตรา 5 วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งจำนวนสองร้อยคนโดยให้ใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
มาตรา 6 ให้ยกเลิกคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิกที่ว่าให้สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (เพราะจบการศึกษาระดับใดก็สามารถทำงานได้ ไม่ควรจำกัดสิทธิ)
มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี
มาตรา 8 ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
"ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตว์สุจริต รับใช้ประชาชน สำนึกในพระคุณของประชาชน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
มาตรา 9 ให้จัดสรรภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาร้อยละห้าสิบที่จัดเก็บได้ในท้องถิ่น ให้ใช้สอยเฉพาะในท้องถิ่น หากไม่เพียงพอรัฐบาลพึงจัดหาให้เพิ่มเติมตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 10 ให้เลิกแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา (คนไทยทุกคนควรมีสิทธิเท่าเทียมกันในการต่อสู้ในศาลยุติธรรมทั้งสามชั้น)
มาตรา 11 ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทหารและคดีอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติเฉพาะในระหว่างประกาศสงคราม
มาตรา 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอายุตั้งแต่ห้าสิบปีบริบูรณ์ในสาขาที่เกี่ยวข้อง สมัครเข้ารับการสรรหา และให้ผู้ที่จบการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องและมีอายุสามสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป เป็นผู้คัดเลือกจำนวนคณะละยี่สิบคน แล้วเสนอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อลงมติคัดเลือกให้เหลือสิบคนในแต่ละคณะ
ผมก็หวังให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่ดีตามนานาอารยประเทศ และเคารพในประชาชน โดยเฉพาะประชาชนคนเล็กคนน้อยที่เสียภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่มและอื่นๆ กันคนละนิดละหน่อย แต่รวมกันมหาศาลกว่าบริษัทห้างร้านหรือคหบดีที่ร่ำรวย
เรามาร่วมกันสนับสนุนรัฐบาลตามที่กล่าวว่า "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา. . ." ด้วยครับ
ที่มา: ประชาไท