30 พฤศจิกายน 2558 เปิดผลโหวตเว็บประชามติ ชาวเน็ต 92 % ไม่เห็นด้วย การเรียกกำลังพลสำรอง เพราะกำลังพลปัจจุบันมีจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อนายจ้างที่ยังต้องจ่ายเงินเดือน เพิ่มภาระทางครอบครัวต่อคนทำงาน และอาจเปิดช่องให้มีการคอร์รัปชั่น แนะควรเพิ่มประสิทธิกองทัพด้วยเทคโนโลยีมากกว่าปริมาณกำลังพล หากต้องการกำลังพลสำรองจริงควรเป็นระบบสมัครใจ
หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง ในเดือนกรกฎาคม 2558 เว็บไซต์ prachamati.org ก็ตั้งคำถามให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็น ‘การเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการ เห็นด้วยหรือไม่?’ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เห็นชอบให้ประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว และตามมาด้วยเสียงคัดค้านและการรณรงค์ต่อกฎหมายดังกล่าวจำนวนมากในโลกออนไลน์
ผลการออกเสียงผ่านเว็บไซต์ prachamati.org ตั้งแต่เปิดให้โหวตจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 รวมเวลากว่า 4 เดือน มีชาวเน็ตร่วมโหวตและแสดงความคิดเห็นจำนวน 1,724 คน ผลคือ มีผู้เห็นด้วย 8 % และ ไม่เห็นด้วย 92 % ทั้งนี้จากการสำรวจความคิดเห็นในเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กประชามติ พบว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทางไม่เห็นด้วยกับการเรียกกำลังพลสำรอง
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้เหตุผลไว้หลากหลาย เช่น ไม่เห็นด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีกำลังพลมากพออยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดสรรไม่ดี ด้วยเหตุที่พลทหารบางส่วนไปทำงานในบ้านของผู้บังคับบัญชา หรือมีชื่อฝึกอยู่แต่ไม่ได้มาฝึกจริง จึงต้องแก้ไขที่การจัดสรรกำลังพลให้มีประสิทธิภาพก่อน เพราะปริมาณที่มากก็อาจไม่ช่วยอะไร และยังมีความเห็นว่าการให้ชายไทยที่อายุเกินสามสิบกลับมาฝึกอาจจะมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายไม่พร้อม
อีกประเด็นหนึ่ง คือ ประเทศไทยไม่มีแนวโน้มจะมีภัยสงคราม โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นว่า ควรเอางบประมาณส่วนนี้ไปลงทุนกับการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศดีกว่า นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่างบประมาณกำลังพลสำรองจะเป็นการสิ้นเปลืองและเปิดช่องให้มีการคอร์รัปชั่น เช่น อาจมีการยอมจ่ายเงินแทนการไปฝึกจริง อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เห็นด้วย มองว่า ระบบการเรียกำลังพลสำรองเป็นการเตรียมก่อนเกิดภัยสงคราม เพื่อฝึกฝนให้มีวินัย ฝึกใช้ยุทธโธปกรณ์ เพราะหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ จะไม่มีเวลามาทบทวนฝึกซ้อม
อีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งที่มีคนไม่เห็นด้วย คือ จะส่งผลต่อการจ้างงาน อาชีพ รายได้ และภาระทางครอบครัว ของคนที่จะเป็นกำลังพลสำรอง ความเห็นในมุมของผู้ประกอบการมองว่า อาจกระทบต่อบริษัทต่างๆ เพราะระหว่างการเรียกกำลังพลไปฝึกทางบริษัทยังคงต้องจ่ายค่าจ้าง ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ในมุมของผู้ประกอบอาชีพส่วนตัว หรืออาชีพอิสระก็จะได้รับผลกระทบเพราะต้องขาดรายได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาระทางครอบครัว เพราะผู้ชายบางคนเป็นเสาหลักของครอบครัวในการหารายได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เสนอว่า ควรมีระบบชดใช้หนี้สินแทนคนที่ถูกเรียกไปฝึกกำลังพลสำรองด้วย
นอกจากข้อเสนอใช้หนี้ให้กำลังพลสำรองแล้ว ชาวเน็ตยังแสดงความเห็นด้วย แต่เห็นว่าการรับกำลังพลสำรองควรเปิดรับสมัครอย่างเดียว โดยให้เงินเดือนและสวัสดิการให้ดี ซึ่งหากเปิดรับสมัครจะช่วยให้ได้คนที่มีใจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ควรให้เงินเดือนที่สูงและสวัสดิการที่ดี เพราะจะทำให้มีการแข่งขันและทำให้ได้คนเก่งเข้ามาเป็นทหาร อย่างไรก็ดีมีผู้เห็นแย้งว่าคนไทยยังคงเห็นแก่ตัวถ้าจะรอคนที่สมัครใจ คงรักตัวกลัวตายกันอยู่ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยากเสียสละ ดูแลปกป้องประเทศ ซึ่งความเห็นทำนองนี้ก็ถูกแย้งกลับอีกเช่นกันว่า การรักชาติไม่จำเป็นต้องเป็นทหารก็ได้ การทำงานและเสียภาษีเพื่อไปใช้เป็นเงินเดือนทหารหรือไปชื้ออาวุธก็ก็เป็นการช่วยชาติเช่นกัน
ปิดท้าย มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างน่าสนใจว่า การจะทำอะไรก็ตามควรต้องขอความคิดเห็นจากประชาชนก่อน