กมธ.ยกร่างฯ ชี้จำเป็นต้องมีกฎหมายคุมค่ายา-ค่ารักษาแพงเกินจริง ยอมรับมี สปช.เสนอตัดออก

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2558 จากรายงานข่าวของสำนักข่าวเดลินิวส์  สุภัทรา นาคะผิว กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงปัญหา รพ.เอกชน เก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ พร้อม ๆ กับการส่งเสริมธุรกิจทางการแพทย์ มีการอนุญาตให้ รพ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ ส่งเสริมความเป็นผู้นำทางด้านการแพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ แต่ถ้าปล่อยให้ตลาดตรงนี้เสรีเกินไปจะทำให้มีการดึงค่ารักษาพยาบาล และค่ายาของทั้งประเทศให้สูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้มีกฎหมายเข้าไปแทรกแซง เช่น วงเล็บ 4 ในมาตรา 294 ของร่างรัฐธรรมนูญที่ กมธ.ยกร่างฯ จัดทำขึ้น ก็มีการพูดถึงเรื่องการกำหนดราคากลาง การเปิดเผยข้อมูลราคายา ค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนใช้เพื่อการตัดสินใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ถือว่าสอดคล้องกับที่มีการเรียกร้องให้แก้ปัญหา รพ.เอกชน เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลแพง พอดี อย่างไรก็ตามตอนนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ มีหลายฝ่ายเสนอความเห็นให้ตัดวงเล็บ 4 ออกบ้าง ปรับถ้อยคำบ้าง เพิ่มถ้อยคำบ้าง ซึ่งเป็นข้อเสนอของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เองก็มี แต่ตรงนี้ยังไม่แล้วเสร็จ 

“เราไม่ได้บอกว่าราคา รพ.เอกชน จะต้องเท่ากับราคาของ รพ.รัฐ เพราะรู้ว่าต้นทุนสูงกว่า แต่ก็ไม่ควรจะสูงมาก มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกับคนที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ เรื่อง แต่เราวางหลักการไว้ว่ามีความจำเป็นที่ต้องทำเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการเข้ารับบริการสุขภาพ และทำให้ยามีราคาที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่าที่เราจ่ายค่ารักษาไปทั้งหมดนั้น 70% เป็นค่ายา ดังนั้นถ้าไม่ทำให้มีกลไกควบคุมราคายา หรือทำให้ราคายาเหมาะสม ระบบมันอยู่ไม่ได้ เดิมทีประเทศเราเคยมีกลไกควบคุมราคายา แต่ถูกตัดออกไปเมื่อปี 2535 และไม่เคยพูดถึงกันอีกเลย” สุภัทรา กล่าว

ขณะที่ ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เปิดเผยกับ สำนักข่าวเดลินิวส์ ว่าวันนี้ธุรกิจ รพ.เอกชน ขยายฐานอำนาจออกไปเยอะมาก จะเห็นว่ามีเครือข่ายจาก รพ.เอกชน เข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในสภาปฏิรูปแห่งชาติ ดังนั้นจึงมีความพยายามในการตัดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการคุมราคายา คุมค่ารักษาที่ไม่เป็นธรรมออกจากร่างรัฐธรรมนูญด้วย กลายเป็นว่าการต่อสู้เรื่องยา เป็นการต่อสู้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ อย่างบริษัทยาด้วยซ้ำ ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงต้องการคนที่มีความกล้าเข้ามาทำ ทั้งนี้ตนไม่ได้ต้องการจะล้มธุรกิจยา แต่ที่ผ่านมามีการเอารัดเอาเปรียบกันฝ่ายเดียว ดังนั้นจะทำอย่างไรให้สามารถพึ่งพากันได้ แต่วันนี้ตนมีความหวังต่อการแก้ปัญหาเรื่องนี้แบบวันต่อวัน
 

เรียบเรียงจาก: เดลินิวส์ออนไลน์