2 ก.ย.2558 แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมอ่านแถลงการณ์พร้อมทั้งแสดงจุดยืนของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะ เข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6 ก.ย.นี้
โดยแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอความคิดเห็นของสมาชิกและวิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นฉบับกดหัวประชาชน เนื่องจากเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่มิได้ให้ความเคารพในอำนาจของประชาชน อำนาจที่แท้จริงกลับตกอยู่กับองค์กรและกลุ่มบุคคลที่ได้สร้างกลไกเพื่อมุ่ง สืบทอดอำนาจและไร้การตรวจสอบ ประชาชนขาดสิทธิและโอกาส เป็นการทำลายหลักการอันดีงามที่ประเทศเคยยึดถือและตกผลึกทางความคิดโดยการ ยอมรับจากประชาชนแล้ว หากผลของร่างรัฐธรรมนูญจะทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ บริหารประเทศไม่ได้ เศรษฐกิจของประเทศจะยิ่งตกต่ำ และจะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งในทุกระดับ ยากที่จะกลับคืนสู่สันติสุขได้ เป็นที่น่าห่วงใยว่าประเทศชาติจะตกอยู่ในวงจรอุบาทว์อย่างไม่สิ้นสุด
หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เผยแพร่สู่สาธารณชน มีการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นโดยสุจริต ทั้งจากพรรคการเมือง นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ประชาชนและสื่อมวลชนโดยทั่วไป ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้นอกจากจะไม่มีความเป็นประชาธิปไตยแล้ว ยังมีเนื้อหาที่นำพาประเทศถอยหลังไปจากเดิมจนเป็นการย้อนยุค มีลักษณะเป็นการสืบทอดอำนาจ สร้างรัฐซ้อนรัฐ อำนาจของประชาชนถูกเหยียบย่ำ จึงเป็นที่คาดหมายได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้ แม้จะผ่านความเห็นชอบของ สปช. ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านประชามติจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจต้องสูญเปล่าทั้งในแง่ของกระบวนการยกร่างและงบ ประมาณแผ่นดินที่ต้องนำมาใช้ถึงกว่า 3,000 ล้านบาทในการยกร่างและจัดทำประชามติ พรรคเพื่อไทยจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันไตร่ตรอง คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และหาทางแก้ไข โดยมีข้อเสนอดังต่อไปนี้
1) สปช. ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในวันที่ 6 กันยายน 2558 ควรแสดงความรับผิดชอบและแสดงบทบาทในวาระสำคัญด้วยวิจารณญาณที่ปรารถนาจะเห็น ประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และเพื่อระงับยับยั้งมิให้ประเทศก้าวไปสู่วิกฤต โดยการลงมติไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เสีย ซึ่งจะส่งผลให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่หลายๆ ฝ่ายสามารถที่จะยอมรับได้
2) หากกรณีมิได้เป็นไปตามข้อ 1 โดย สปช.ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าปัญหารัฐธรรมนูญที่พยายามจะยัดเยียดให้ประชาชนโดยขาด การมีส่วนร่วมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะร่วมคิดหรือร่วมร่าง จะเป็นต้นเหตุของการนำชาติเข้าสู่ภาวะแห่งความขัดแย้ง นำชาติดำดิ่งสู่วงจรอุบาทว์ รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะส่งผลต่อความเชื่อถือของประเทศในสังคมโลก ในที่สุดจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศ
สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอความคิดเห็นของสมาชิกและวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐ ธรรมนูญว่าเป็นฉบับกดหัวประชาชน เนื่องจากเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่มิได้ให้ความเคารพในอำนาจของประชาชน อำนาจที่แท้จริงกลับตกอยู่กับองค์กรและกลุ่มบุคคลที่ได้สร้างกลไกเพื่อมุ่ง สืบทอดอำนาจ และไร้การตรวจสอบ ประชาชนขาดสิทธิและโอกาส เป็นการทำลายหลักการอันดีงามที่ประเทศเคยยึดถือและตกผลึกทางความคิดโดยการ ยอมรับจากประชาชนแล้ว
เมื่อถามว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ได้ขออนุญาต คสช.หรือไม่ สามารถ กล่าวว่า ไม่จำเป็น เราเพียงต้องการแสดงจุดยืนท่าทีของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ แถลงสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็น ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีสิทธิที่จะแสดงออก
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าควรมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ถือเป็นการส่งสัญญาณต่อ สปช.ในการพิจารณารับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะคนไทยคนหนึ่งสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ถือเป็นความเห็นส่วนตัว เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อพูดแล้วอาจชี้นำได้ ก็เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยมีจุดยืน และยืนหยัดว่าเราไม่เป็นเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สปช.จะใช้วิจารณญาณในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าผ่านแล้วอะไรจะเกิดขึ้น แต่เสียงที่ก้ำกึ่งของ สปช.แสดงให้เห็นว่า สปช.เริ่มคิดได้แล้ว
เมื่อถามว่าจะมีการจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีท่าทีคัดค้านร่างรัฐ ธรรมนูญหรือไม่ นายสามารถ กล่าวว่า ต่างคนต่างไป เพราะแต่ละพรรคต่างมีมวลชนและสมาชิกของตนเอง
ที่มา: ประชาไท