24 พ.ค. 2558 สาธารณรัฐไอร์แลนด์มีการจัดลงประชามติอนุญาตให้มีการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันได้ โดยผลการลงประชามติปรากฎว่าฝ่ายสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ได้รับชัยชนะ ถือเป็นการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ทำให้ไอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ใช้วิธีการโหวตจากประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อนุญาตแต่งงานกับเพศเดียวกันได้
ไอร์แลนด์เปิดให้มีการลงประชามติตั้งแต่วันศุกร์ (22 พ.ค.) ที่ผ่านมา และมีการนับผลคะแนนเมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ (23 พ.ค.) ตามเวลาประเทศไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามการลงประชามติในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้มีการโหวตผ่านทางไปรษณีย์ทำให้มีผู้คนจำนวนมากที่อยู่ต่างประเทศเดินทางกลับไอร์แลนด์เพื่อลงคะแนนประชามติในครั้งนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีการร่วมรณรงค์ด้วยแฮชแท็ก #hometovote ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดคนหนุ่มสาวและส่งเสริมให้ชาวไอร์แลนด์ในต่างประเทศกลับไปลงประชามติ
จนกระทั่งในเวลาเกือบ 1 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่นก็มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการว่าฝ่ายสนับสนุนได้รับชัยชนะ โดยช่องสถานีวิทยุโทรทัศน์ไอร์แลนด์ (RTE) รายงานผลว่ามีผู้โหวตสนับสนุนร้อยละ 62.1 (1,201,607 คน) มีผู้โหวตคัดค้าน ร้อยละ 37.9 (734,300 คน) มีผู้ใช้สิทธิลงประชามติทั้งหมดร้อยละ 60.5 (1,949,725 คน)
ลีโอ วาราดคาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของไอร์แลนด์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคนแรกในไอร์แลนด์ที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นคนรักเพศเดียวกันกล่าวว่าการรณรงค์โหวตสนับสนุนประชามติในครั้งนี้ "แทบจะเป็นการปฏิวัติสังคม" และกล่าวอีกว่าการโหวตที่ไม่มีการแบ่งแยกทางวัฒนธรรมระหว่างคนในเมืองกับในชนบทแสดงให้เห็นว่าทั่วไอร์แลนด์ต่างแสดงการสนับสนุนความเสมอภาคในสังคม
จากแผนภาพแสดงผลการเลือกตั้งเผยให้เห็นว่ามีผู้ลงคะแนนสนับสนุนมากกว่าผู้ลงคะแนนคัดค้านในทุกเขตเลือกตั้งยกเว้นแต่เขตรอสคอมมอน-ลิทริมใต้ เขตเดียวที่มีผู้คัดค้านมากกว่า
ทางด้าน เอดดาร์ เคนนี นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ กล่าวว่าผลการลงประชามติในครั้งนี้ถือเป็นการส่งสารที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องความเสมอภาคจากประเทศเล็กๆ ไปสู่ชาวโลก ส่วนไอยอน โอ เรียร์ดัน รัฐมนตรีไอร์แลนด์ผู้ดูแลเรื่องความเสมอภาคในสังคมประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า มีคะแนนของฝ่ายสนับสนุนอย่างท่วมท้นในกรุงดับลินและ "ในวันนี้ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นชาวไอร์แลนด์"
สำนักข่าวบีบีซีระบุว่าเมื่อมีการนับคะแนนไปเพียงแค่ 3 ใน 4 ฝ่ายต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ก่อนล่วงหน้าเดวิด ควินน์ จากสถาบันไอโอนาซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรศาสนาผู้พยายามรณรงค์ให้โหวตต่อต้านกฎหมายแต่งงานคนรักเพศเดียวกันกล่าวแสดงความยินดีต่อฝ่ายผู้สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ที่ "ได้รับชัยชนะอย่างงดงาม" แต่ก็ยังคงยืนยันว่าพวกเขาจะรณรงค์ในเชิงต่อต้านการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันต่อไป
การลงประชามติในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากไอร์แลนด์ยกเลิกกฎหมายลงโทษการกระทำในเชิงรักเพศเดียวกันตั้งแต่เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ซึ่งในปี 2553 รัฐบาลไอร์แลนด์ก็ออกกฎหมาย 'คู่ชีวิตเพศเดียวกัน' (Civil Partnership) ซึ่งเป็นการยอมรับคู่รักเพศเดียวกันตามกฎหมาย แต่ก็มีความแตกต่างระหว่าง 'คู่แต่งงาน' กับ 'คู่ชีวิตเพศเดียวกัน' ความแตกต่างทีสำคัญที่สุดคือการแต่งงานจะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญขณะที่คู่ชีวิตเพศเดียวกันไม่ได้รับการคุ้มครอง
โดยในการลงประชามติครั้งนี้จะถามผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนว่าว่าให้มีการเพิ่มวรรค "อนุญาตให้มีการทำสัญญาตกลงเรื่องการสมรสกันได้ตามกฎหมายระหว่างบุคคลสองคนโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพศที่แตกต่างกัน" ลงในรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ หมายความว่าสถานะของคู่แต่งงานคนรักเพศเดียวกันจะมีสถานะเท่าเทียมกับคู่แต่งงานของชายหญิงรวมถึงได้รับการคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญในฐานะเป็นครอบครัว ซึ่งทางรัฐบาลและพรรคการเมืองส่วนใหญ่ในไอร์แลนด์ต่างก็สนับสนุนการโหวตรับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
สำนักข่าวเดอะการ์เดียนระบุว่าการลงประชามติล่าสุดในไอร์แลนด์มีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ทำให้คะแนนเสียงฝ่ายสนับสนุนมากขึ้น
หลังการประกาศผลมีการเฉลิมฉลองที่ลานหน้าปราสาทดับลินซึ่งเป็นหนึ่งในจุดนับคะแนน มีการประดับโดยรอบบริเวณด้วยสีรุ้งซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลของคนรักเพศเดียวกันและมีนักกิจกรรมคนรักเพศเดียวกัน 2,000 คน ร่วมฉลองชัยชนะในครั้งนี้ โดยคริส บัคเลอร์ นักข่าวบีบีซีระบุว่าบรรยากาศของผู้เฝ้ารอฟังผลเป็นอย่างคึกตักเหมือนงานเทศกาล
ที่มา: ประชาไท